ในขณะที่สถาบันความสวยความงามผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และสาวๆ หนุ่มๆ ก็เห็นเรื่อง
การทำ "ศัลยกรรม" เป็นเรื่อง "ธรรมดา" มากขึ้น กระแสต่างๆ เหล่านี้กำลังหล่อหลอม
ค่านิยมของคนไทยบางคนให้มีทัศนคติ ทำนองว่า "ความสวย-ความหล่อเปลี่ยนชีวิต" ได้
หลายคนฝันว่า การทำศัลยกรรมจะทำให้มี "ออร่า" ชีวิตพลิก งานรุ่ง รักเริ่ด แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า
มันยังมีเรื่อง "ดราม่า" อยู่ไม่น้อยในวงการนี้
หมอเกมส์-นพ.อดุลย์ชัย แสงประเสริฐ ศัลยแพทย์ตกแต่งเจ้าของรางวัล ไทยแลนด์ บล็อค
อวอร์ด ที่มียอดผู้อ่านเกินล้านวิว ผู้เขียนหนังสือ "รู้จริงก่อนสาย มั่นใจก่อนเสริม" เผยว่า
ฐานข้อมูลเรื่องศัลยกรรมของคนไทยส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่า "เสริมแล้วสวย เสริมแล้วจบ" แต่น้อย
คนนักจะรู้ว่า ต่อไปอีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี อวัยวะส่วนที่ทำศัลยกรรมไปจะเป็นอย่างไร เสริมหน้าอก
วันนี้ให้หน้าอกใหญ่ แล้วคิดจะไปเอาออกตอน
50 ปี คิดว่าจะเหมือนเดิมไหม?
"ปัจจุบันคนไทยเริ่มมองเรื่องศัลยกรรมเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งหมอคิดว่ามันเป็นวิธีคิดที่อันตราย
เพราะจะไปมองเรื่องความสวยความงามมาอันดับ 1 มากกว่าความสามารถ ขอฉันสวยไว้ก่อน
แล้วทุกอย่างจะตามมา มันไม่ใช่"
แม้ความสวยความหล่อจะเปลี่ยนชีวิตได้ แต่หมอเกมส์ย้ำว่า หากจะฉีด เสริม เติม ผ่า ก็ควรเป็น
ไปด้วย "เหตุผลที่ดี"
"ดาราบางคนพอเสริมนู่นนิดนี่หน่อยก็ทำให้เขามีงานมากขึ้น แต่ถ้าสมมุติดีๆ อยากจะตัดกราม
แต่ไม่ได้ตัดเพราะเรื่องการทำงานหรือมีเหตุผลที่ดีไปกว่าตัดไปแล้ว ก็อยู่บ้านเฉยๆ ก็อย่าทำเลย
มันไม่คุ้ม หมอจึงอยากย้ำว่า ถ้าอยากจะทำควรมีเหตุผลที่จะลงทุน ลงทุนแล้วต้องได้กำไร เช่น
ทำเพราะเอื้อประโยชน์กับหน้าที่การงานให้ดีขึ้น"
ปัจจุบัน คนนิยมทำศัลยกรรมเพื่อหน้าที่การงานเยอะที่สุด และตอนนี้ก็มี "เทศกาลทำศัลยกรรม"
เกิดขึ้นในเมืองไทยแล้ว
"หมอเรียกว่าเป็นเทศกาลเพราะคนมาทำเยอะมาก โดยมีอยู่ 2 ช่วง 1.เข้ามหาวิทยาลัย เด็กอยาก
เข้าไปแล้วสวยเลย 2.เรียนจบ เป็นช่วงที่กำลังจะก้าวเข้าไปอยู่ในสังคมการทำงาน ก็อยากเป็น
คนสวยก่อนเข้าทำงาน"
จากเมื่อก่อน อยู่ในวงแคบๆ ดารา-พริตตี้
ตอนนี้คนทั่วไป นักศึกษา ที่ฮิตทำสูงสุด "จมูก-ตา-หน้าอก-ดูดไขมัน" โดยอันดับ 1.ผู้หญิง
2.หญิงข้ามเพศ 3.ผู้ชายรักสวยรักงาม 4.ผู้ชายจริงๆ
"ผู้หญิงทำทุกอย่าง ส่วนหญิงข้ามเพศนิยมทำหน้าอก และผู้ชายนิยมเสริมจมูก"
นี่คือ "สถิติ" ที่ดูๆ แล้วอาจไม่มีอะไร แต่ในความ "สวยงาม" กลับมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ (ค่อย)
งามซ่อนอยู่
"วงการนี้มีการหลอกลวงค่อนข้างเยอะ" หมอเกมส์เผย
"อย่างโฆษณา ค่อนข้างน่ากลัว ยิ่งในเฟซบุ๊ก ยิ่งน่ากลัวหนัก เพราะทำอะไรก็ได้โดยไม่มี
กฎหมายห้าม แล้วคนสมัยนี้เสพสื่อเยอะ พออ่านคอมเมนต์เยอะๆ สวยค่ะ เยี่ยมค่ะ เราอาจจะ
เหมือนโดนสะกดจิต คงไม่เป็นอะไรมั้ง คนนั้นก็ว่าดี คนนี้ก็ว่าดี แล้วก็ไปทำ แล้วก็เกิดปัญหา"
ยกตัวอย่าง "ดูดไขมัน" โฆษณาว่า "ดูดไขมันไม่ตายแน่นอน"
"ผมเห็นแล้ว รู้สึกแย่มาก เพราะมันมีคนตายมาแล้วจริงๆ เพราะการดูดไขมันก็คือการผ่าตัด
มันมีความเสี่ยงตั้งแต่ฉีดยาชา เช่น คนไข้แพ้ยาชา ถ้าช่วยไม่ทันก็ตาย เลยกลายเป็นว่า
ดูดไขมันไม่ตาย ไม่เสี่ยง แต่ที่ตายเพราะแพ้ยา คือพยายามแยกเรื่องออกจากกัน ทั้งที่จริงๆ
มันเป็นเรื่องเดียวกัน"
ยิ่งตอนนี้ เราจะเห็นว่ามีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้คนอยากสวยหล่อทำมากมาย ทั้ง ศัลยกรรม
หัวทุย ร้อยไหม ฯลฯ
"ของแบบนี้ หมอที่จบมาด้านศัลยแพทย์ตกแต่งจริงๆ ไม่มีใครทำนะ" หมอเกมส์บอกชวนสงสัย
ก่อนขยายความ
"เพราะในวงการนี้ มีทั้งหมอจริง-หมอปลอม"
ฉะนั้น สิ่งที่ศัลยแพทย์ตกแต่ง "ไม่ทำ" อาทิ ฉีดต่างๆ ทั้งฟิลเลอร์, สเต็มเซลล์, ร้อยไหม หรือ
แม้แต่ทำหัวทุย
"สเต็มเซลล์มีข้อกำหนดหลายอย่างที่แม้กระทั่งฝรั่งยังไม่ฮิต ข้อเสียคือมันอาจเปลี่ยนเป็นมะเร็งได้
และที่สำคัญไม่ใช่ของที่จะเอามาซื้อง่ายขายคล่องในอินเตอร์เน็ต ผมเคยไปดูการสกัดสเต็มเซลล์
ที่เกาหลี สเต็มเซลล์เมื่อสกัดเสร็จต้องใช้เดี๋ยวนั้นเลย และใช้ได้ภายใน 3 ชม. แต่ถ้าไม่ใช้ต้อง
แช่แข็งไว้ และใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน"
แต่ในบ้านเรา มีขายให้เกลื่อนตามเว็บไซต์ต่างๆ ราคาแพงลิบลิ่ว
ในขณะที่สถาบันความงามผุดขึ้นมากมาย คนอยากสวย-หล่อใครจะห้ามได้ เพราะฉะนั้นสิ่ง
สำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจเดินเข้าสถาบันเหล่านี้
หมอเกมส์ย้ำว่า ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน มองการณ์ไกล อย่าคิดแค่ว่า ตอนนี้สวย อีก 10 ปี
20 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไงฉันไม่แคร์
"ยกตัวอย่างคนทำหน้าอก ซึ่งเหมือนเราเป่าลูกโป่ง แต่พอเวลาผ่านไป เรารู้สึกว่าเราไม่อยาก
ได้หน้าอกอันนี้แล้ว แรงดึดดูดของโลกมันดึงหน้าอกของเราคล้อยลงแล้ว เราจะแก้ไขยังไง
อาจจะต้องใส่ใหม่ไหม หรือดึงเนื้อด้านข้างให้ตึงเหมือนเดิม และถ้าคิดว่าจะไม่เอาแล้ว เอาออก
ดีกว่า คิดว่าหน้าอกจะเหมือนเดิมไหม เพราะมันก็เหมือนถุงที่ถูกยืดออกไปแล้ว หน้าอกจะคล้อย
ต้องมีสภาพแบบนี้รับได้ไหม"
นี่คือสิ่งสำคัญที่หมอเกมส์ย้ำว่า ไม่ว่าจะทำศัลยกรรมส่วนไหน คุณต้องหาข้อมูลเหล่านี้ด้วย
รู้ทั้งข้อดี-ข้อเสีย
"ทำศัลยกรรมใจร้อนไม่ได้ และอย่าหลงเชื่อคำลวงต่างๆ ที่บอกว่าไม่เจ็บ คิดว่าเสี่ยงเยอะแค่ไหน
กับเจ็บ แต่เป็นหมอที่ทำมานานมีความชำนาญ มันเสี่ยงแค่ไหน หรือยกกระชับได้ทุกอย่าง
มันเป็นไปได้ไหม ให้ใช้วิจารณญาณ ซึ่งจริงๆ มันเป็นไปไม่ได้ และของใหม่ล่าสุด ไม่ได้แปลว่า
ดีที่สุด และก็ไม่แน่ว่า ของใหม่ล่าสุดนี่แหละ ก็อาจเป็นของที่มาลองกับเราคนแรกก็ได้"
"อย่าเพิ่งรีบถ้าไม่จำเป็น คิดเสียว่า จมูกของเราไม่ได้โด่งวันนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้
โด่งมา 20 ปีแล้ว" นพ.อดุลย์ชัยทิ้งท้าย
นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มที่หมอเกมส์มาเปิดสมองให้ได้รับรู้ถึงอะไรหลายอย่างในวงการความสวยความงาม
ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th