วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตะลิงปลิงกับสรรพคุณทางยา


  หน้าแล้งเป็นหน้ามะนาวแพง คนไทยหันมาใช้ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวในการปรุงอาหารแทนมะนาวกัน ...ก็หากขาดรสเปรี้ยวคงไม่ใช่อาหารไทยแล้ว ตะลิงปลิงจึงเป็นทางเลือกอย่างหนึ่ง

                                         

ตะลิงปลิง มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า (Scientific Name) Averrhoa bilimbi L.อยู่ในวงศ์ (Family Name) OXALIDACEAE/AVERRHOACEAE  ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกับมะเฟือง เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 15 เมตร


สรรพคุณทางยาของตะลิงปลิงมีมาก มาย และสามารถนำมาใช้ได้ทั้งต้นดังนี้



            ราก : แก้ร้อนใน ใช้ลดไข้ได้ บำรุงกระเพาะลำไส้ ใช้รักษาลำไส้ใหญ่อักเสบ แก้ริดสีดวงทวาร แก้คัน รักษาคางทูม ไขข้ออักเสบ สิว และเก๊าต์




            ใบ : มีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ รูปขอบขนาน ปลายเรียวแหลม มีขนนุ่ม มีสรรพคุณทางยาคือใช้ดับพิษร้อนเช่นกัน เอามาตำแล้วพอกแก้คัน พอกที่คางทูมเพื่อดับพิษร้อน พอกรักษาโรคข้ออักเสบ ใช้ต้มดื่มรักษาลำไส้ใหญ่อักเสบ ซิฟิลิส ข้ออักเสบ เอาน้ำต้มใบให้คนมีไข้อาบ

            หมายเหตุ: ทั้งต้นและใบมีกรดไฮโดรไซยานิกเล็กน้อยจึงไม่ควรกินสด

                                       

            ดอก : 
มีลักษณะเป็นช่อกระจุกอยู่ตามลำต้น กลีบดอกสีแดงอมม่วง มีกลิ่นอ่อนๆ สรรพคุณทางยาของดอกคือชงเป็นชา แก้ไอ


                                      
          ผล : มีลักษณะเป็นรูปรีป้อม ฉ่ำน้ำ ปลายแหลม และเว้าเป็นพู่ตื้นๆ 4 พู สีเขียวอมเหลือง สรรพคุณทางยาของผลคือใช้เป็นยาบำรุงกระเพาะ เจริญอาหาร ลดไข้ แก้ไอ มีเสมหะ แก้ปวดมดลูก รักษาริดสีดวงทวาร ชาวเกาะชวาใช้ผลตะลิงปลิงกินกับพริกไทยเพื่อขับเหงื่อ แก้อาการซึมเศร้า

        สำหรับการขยายพันธุ์ใช้ การเพาะเมล็ดหรือการตอนกิ่ง      
             
             นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในสิงคโปร์พบว่า สารสกัดทั้งเอทานอลทั้งน้ำจากใบตะลิงปลิงมีคุณสมบัติลด น้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด โดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ในหนูทดลองอย่าง มีนัยสำคัญ ดังนั้นการกินน้ำต้มใบตะลิงปลิงแทนน้ำน่าจะเหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน และคนมีไตรกลีเซอไรด์สูง

             และ
ในฟิลิปปินส์ ก็มีงานวิจัย ที่ใช้สารสกัดจากใบตะลิงปลิงในเอทานอล 10% มาทาผื่นคัน ปรากฏว่าได้ผลดี ทำให้ผื่นหายเร็วกว่าการใช้ยาแก้คันถึงเท่าตัว

           
สำหรับคนไทยเรา ลูกตะลิงปลิงน่ะเอามาทำอาหารได้อร่อย เปรี้ยวได้ใจอยู่แล้ว



ภาพจากอินเทอร์เน็ตและ ข้อมูลจาก  http://vcharkarn.com และ http://www.bloggang.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น