วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
เล่าสู่กันฟัง:ไส่กรอก แฮม เลือดหมู-ไก่
..เมื่อประมาณเกือบ 20 ปีก่อน ผมได้ไปทำงานกับบริษัทฟาร์มไก่รายใหญ่ ตำแหน่ง ผช.ผจก.
และถูกให้ไปประจำการแถววังม่วงสระบุรี แต่ผมทำได้ไม่กี่วันขอออกเพราะเวลานั้นผมกิน
มังสวิรัตมาเป็นปีแล้ว.....สาเหตุที่ลาออกคือ.....ฟาร์มนี้มีระบบครบวงจรตั้งแต่ไก่จากไข่ไปจน
กระทั่งเชือดขาย....เชือดไก่วันละ 7 หมื่นตัว...ทุกวันผมต้องเดินผ่านที่เขาจับไก่เชือดไก่
เห็นภาพไก่ห้อยหัวและโดนเชือดเลือดไหลพร้อมอุจจาระปัสสาวะปะปนกับเลือดในรางที่รอง
ทุกวัน.....เลือดที่เรากินกับพวกก๊วยเตี๋ยว....ต้มเลือดหมู(ยิ่งฟาร์มหมูนี่ใช้เท้าโกยหนักกว่าอีก)
....ผมต้องประจำอยู่ฝ่ายขายชิ้นส่วนไก่ จะเห็นในทุกขบวนการ....กลิ่นไก่คละคลุ้งเหม็น
ไปหมดเห็นไก่ห้อยหัวยังไม่ตายหลังจากโดนเชือดคอ ดิ้นกระตุกๆ อย่างนั้น ส่วนอีกด้านนอก
โรงงานแต่ติดกันและต้องเดินผ่านด้วย มีคนตัวเปียกไปด้วยไส้ไก้ ขี้ไก่ เลือด ช่วยกันโกย
สิ่งปฏิกูลเหล่านี้ใส่รถกะบะหรือหกล้อจำไม่ได้ เอาไปเลี้ยงปลาดุก
....ภาพสังเวชเกิดขึ้นตลอดเวลาทำงานในแต่ละวัน....ช่วงสุดท้ายในแต่ละวันเป็นธรรมดา
ที่ทุกๆวันจะต้องมีชิ้นส่วนไก่เหลือ....ส่วนที่เหลือจะเหม็นและสีเขียวเรียกว่าไม่สามารถนำ
มาปรุงอาหารได้อีกต่อไป....หากเปิดถุงจะผงะกับกลิ่นและอ๊วกเลย...ทุกๆวันจะมีรถของ
ไส้กรอกหมูแฮมของบริษัท.......... (ยี่ห้อดังที่ส่ง ร ร. ห้าดาว) มารับไปที่โรงงาน และ
เขาจะเอาบรรดาเนื้อเน่าเหล่านี้ไปใส่คลอลีน ฟอกสี กลิ่น จนเนื้อสีใส และนำมาบดใส่สี
สีเลยออกมาสวยงามเหมือนกันอย่างที่ท่านเห็น....เลยทำให้ผมเข้าใจเลยว่ายี้ห้ออื่นๆก็
คงไม่ต่างกัน....เพราะตอนหลังออกมาดันมีบริษัททำไส้กรอกพวกนี้มาจ้างอีก...อยู่แถว
อโศกสีไส้กรอกออกสีกาแฟเลย...ถูกกว่า....อันนี้น่าจะเลวร้ายกว่าไปใหญ่
.....หลังจากนั้นผมไม่มีความคิดจะแตะพวกไส่กรอกหมูแฮมหรือสิ่งตามภาพประกอบและ
เลิกกินเลือดมานับแต่นั้น เรื่องเลือดนี่ก็มีคนรู้จักอยู่ฟาร์มใหญ่อีกเหมือนกันเล่าให้ฟังแย่
กว่าอีก...โปรดอย่าเข้าใจว่าผมไปมีผลประโยชน์ได้เสียจึงมาเปิดเผยเรื่องนี้นะครับ....
นี่คือเรื่องจริงที่ผมได้สัมผัสมา....ช่วยกันแชร์บอกต่อเพื่อสุขภาพเพื่อนๆของเราด้วยครับ
หมายเหตุ
......มีข้อสังเกตุว่าปัจจุบันคนที่ป่วยด้วยโรคที่ไม่มีเชื้อโรคมากกว่าคนที่ป่วยเพราะมีเชื้อโรค
เช่น มะเร็ง เบาหวาน ข้อ กระดูก เด็กไม่สมประกอบ คนเป็นกะเทย(เพราะฮอโมนที่ฉีดเข้าไป
ในเนื้อสัตว์) มาก (สังเกตุว่าเมื่อสามสี่สิบปีย้อนหลังไปโรคเหล่านี้แทบไม่มี)....ก็ด้วยเนื่องจาก
ซากอาหารเหล่านี้หรือประเภทนี้ครับ
......ทุกวันนี้ตามโรงพยาบาลมีคนไข้เต็มไปหมดและ ไม่เคยขาดคนไข้ตลอดเวลา เป็นอย่างนี้
กันทั้งประเทศ เพราะว่า......
1. ผู้เข้ารับการรักษา เมื่อรักษาแล้วหายหรือไม่ก็ตาม ไม่ดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ในการปรับ
เรื่องการอยู่การกิน
2. ผู้เข้าการรักษา แม้ปรับตัวเรื่องกินอยู่ แต่เมื่ออาหารส่วนใหญ่เป็นพิษ จากสารเคมีต่างๆ
อาการของโรคก็กลับมาอีก
....โดยความเห็นส่วนตัว 2 ข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญที่สุด....เพราะโรคทุกวันนี้เกิดจากการกิน
อาหารที่เป็นพิษหรือมีสารเคมีเจือปน....ไม่ใช่เรื่องสะอาดหรือไม่สะอาดเหมือนสมัยก่อน
ขอบคุณ http://www.facebook.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น