วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

อาการท้องอืด


ในปัจจุบันการดำเนินชีวิตของใครหลายคนเป็นไปอย่างเร่งรีบ ด้วยเพราะสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างต้องแข่งขันกับเวลา จนก่อให้เกิดความเครียดความกดดันและส่งผลต่อสุขภาพ  ทำให้มองข้ามเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่น การทานอาหารให้ตรงเวลาและครบ 3 มื้อ จึงมีปัญหาสุขภาพตามมาและหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มักเกิดจากพฤติกรรมเหล่านี้คือ อาการของโรคระบบทางเดินอาหาร
   
นพ.สุริยา กีรติชนานนท์ อายุร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ  ให้ความรู้ว่า อาการของโรคระบบทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่  คืออาการอึดอัด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ บริเวณลิ้นปี่หรือเหนือสะดือ ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า อาการ ดิสเป็บเซีย” (Dyspepsia) จากสมาคมโรคทางเดินอาหารแห่งประเทศไทยพบว่าคนไทยประสบกับอาการนี้ถึงร้อยละ 20-25% พบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้สูงอายุ แต่ที่พบบ่อยมากที่สุดคืออายุตั้งแต่ 40-45 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นอาการที่เกิดจากระบบการย่อยที่เสื่อมลง
   
ปัจจุบันอาการท้องอืดสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย แต่ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นคือ กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยเรียน เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะปัจจัยหลัก ๆ คือ ความเครียดและพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือรับประทานอาหารด้วยความเร่งรีบ เคี้ยวไม่ละเอียด รวมไปถึงดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ น้ำอัดลม และกินอาหารไขมันสูง ทานมากเกินไป ทานแล้วนอนหรือแม้แต่พูดคุยขณะทานอาหาร เพราะเป็นการกลืนอากาศเข้าไปพร้อมอาหาร นอกจากนี้อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการนี้ คือกระเพาะบีบตัวไม่ได้ บีบตัวช้า กระเพาะไวต่ออาหารบางชนิด เช่น อาหารรสจัด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ การย่อยและการเคลื่อนตัวของอาหารเข้าสู่ลำไส้ เล็กเป็นไปด้วยความลำบาก เกิดการสะสมของฟองอาการหรือแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อึดอัด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ
   
ถึงแม้อาการดิสเป็บเซียไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่จะรบกวนการดำเนินชีวิต ซึ่งผู้ที่มีอาการต้องมีการปรับพฤติกรรมบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการ หรือเมื่อมีอาการดังกล่าวสามารถรับประทานยารักษาอาการ อาทิ  ยาลดแก๊สหรือฟองอากาศที่อยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะเป็นที่มีตัวยา ไซเมทิโคนเช่น ยาแอร์เอ็กซ์ ที่ช่วยลดแรงตึงผิวของฟองอาการหรือแก๊สในทางเดินอาหาร ยาลดกรดที่กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร
   

เคล็ดลับแก้อาการท้องอืด

อาการท้องอืด ที่เกิดขึ้นมาได้กับทุกคน ที่มีอาการท้องอืด เนื่องมาจากอาการ ที่อาหารไม่ย่อย เพราะว่าการรับประทานอาหาร เข้ามาในร่างกาย จึงทำให้เรามีอาการท้องอืดขึ้นมาได้ อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว เราจึงมีวิธีการ ในการช่วยลดอาการท้องอืด ให้หายไปได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

- การที่เรารับประทาน โดยการแบ่งทานอาหารมื้อเล็กๆ ในการรับประทานอาหาร แต่ละครั้ง นั้น เราจะต้องเคี่ยวอาหาร ให้ละเอียดทุกครั้ง เพื่อช่วยให้ร่างกาย ของเรา สามารถย่อยอาหาร ได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ในการดื่มน้ำครั้งละมากๆ จะทำให้กระเพาะอาหาร ของเราสามารถโป่งออก จึงทำให้หูรูดหลอดอาหาร ส่วนล่างหย่อนลง จึงเกิดกรดไหลย้อน เกิดขึ้นมาในร่างกาย ของเรา ได้อีกด้วย

- การที่เรา ลดปริมาณในการรับประทานอาหาร จำพวกเนื้อสัตว์  อาหารที่มัน ของหวานลงไปบ้าง เพราะว่าอาหารเหล่านี้ ที่รับประทานเข่าไปนั้น จะทำให้กระเพาะอาหาร ของเราของเราเกิดอาการท้องอืดขึ้นมาได้ หากไม่อยากเกิดอาการ แบบนี้ขึ้นมา ก็ต้องลดการรับประทาน ลงไปบ้าง

- การที่เราไม่รับประทาน ผักสดในอาหารมื้อเย็น เพราะว่าผักสดนั้น จะทำให้เกิดอาการท้องอืดขึ้นมาได้ เนื่องจากว่าผักดิบนั้น จะมีกากใยอาหาร อยู่ในปริมาณที่มาก ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องอืด ขึ้นมาได้ นั้นเอง หากว่าเราต้องการรับประทานผัก ก็ควรรับประทานแบบลวกแทน จะดีกว่า

- หากว่าเรา มีอาการจุกเสียดแน่นท้อง เกิดขึ้นมา ที่ร่างกายของเราแล้วล่ะก็ วิธีการในการแก้ไขปัญหา เพียงแค่เรา ลุกขึ้นบ้าง เพื่อช่วยให้ร่างกายของเรา นั้นได้มีการเคลื่อนไหว เพื่อช่วยให้ลดอาการแน่นท้อง ลงไปได้อีกด้วย

-การดื่มน้ำอุ่น เพื่อช่วยในการ แก้อาการแน่นท้อง ท้องอืด หรืออาจจะหาสมุนไพร ที่มีฤทธิ์ สามารถช่วยในการ ขับลม เพื่อจะช่วยในการ ลดอาการแน่นท้อง อย่างการ รับประทานขมิ้นชันมารับประทาน เพื่อช่วยในการลดอาการ ที่มีอยู่นั้น ให้บรรเทาอาการ ลงไปได้มากขึ้นกว่าเดิม

ด้วยวิธีการในการดูแลตัวเอง ให้หายจากอาการ ท้องอืด แน่นท้อง ให้หายไปได้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยาก

เมื่อทราบแบบนี้แล้วก็อย่าลืมเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติ กรรมการกินเสียใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ.


ข้อมูลและภาพจาก   http://www.billyandrose.com & http://www.dailynews.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น