ในปัจจุบันการดำเนินชีวิตของใครหลายคนเป็นไปอย่างเร่งรีบ
ด้วยเพราะสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
ทุกอย่างต้องแข่งขันกับเวลา จนก่อให้เกิดความเครียดความกดดันและส่งผลต่อสุขภาพ ทำให้มองข้ามเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่น
การทานอาหารให้ตรงเวลาและครบ 3 มื้อ จึงมีปัญหาสุขภาพตามมาและหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มักเกิดจากพฤติกรรมเหล่านี้คือ
“อาการของโรคระบบทางเดินอาหาร”
นพ.สุริยา กีรติชนานนท์ อายุร
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ
ให้ความรู้ว่า อาการของโรคระบบทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่
คืออาการอึดอัด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
บริเวณลิ้นปี่หรือเหนือสะดือ ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า อาการ “ดิสเป็บเซีย” (Dyspepsia) จากสมาคมโรคทางเดินอาหารแห่งประเทศไทยพบว่าคนไทยประสบกับอาการนี้ถึงร้อยละ
20-25% พบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้สูงอายุ
แต่ที่พบบ่อยมากที่สุดคืออายุตั้งแต่ 40-45 ปีขึ้นไป
เนื่องจากเป็นอาการที่เกิดจากระบบการย่อยที่เสื่อมลง
ปัจจุบันอาการท้องอืดสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย
แต่ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นคือ กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยเรียน
เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะปัจจัยหลัก ๆ คือ
ความเครียดและพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
หรือรับประทานอาหารด้วยความเร่งรีบ เคี้ยวไม่ละเอียด รวมไปถึงดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ
น้ำอัดลม และกินอาหารไขมันสูง ทานมากเกินไป ทานแล้วนอนหรือแม้แต่พูดคุยขณะทานอาหาร
เพราะเป็นการกลืนอากาศเข้าไปพร้อมอาหาร
นอกจากนี้อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการนี้ คือกระเพาะบีบตัวไม่ได้ บีบตัวช้า
กระเพาะไวต่ออาหารบางชนิด เช่น อาหารรสจัด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้
การย่อยและการเคลื่อนตัวของอาหารเข้าสู่ลำไส้ เล็กเป็นไปด้วยความลำบาก
เกิดการสะสมของฟองอาการหรือแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อึดอัด แน่นท้อง
ท้องอืดท้องเฟ้อ
ถึงแม้อาการดิสเป็บเซียไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต
แต่จะรบกวนการดำเนินชีวิต
ซึ่งผู้ที่มีอาการต้องมีการปรับพฤติกรรมบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการ
หรือเมื่อมีอาการดังกล่าวสามารถรับประทานยารักษาอาการ อาทิ ยาลดแก๊สหรือฟองอากาศที่อยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่
ซึ่งจะเป็นที่มีตัวยา ’ไซเมทิโคน“ เช่น
ยาแอร์เอ็กซ์ ที่ช่วยลดแรงตึงผิวของฟองอาการหรือแก๊สในทางเดินอาหาร
ยาลดกรดที่กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร
เคล็ดลับแก้อาการท้องอืด
อาการท้องอืด
ที่เกิดขึ้นมาได้กับทุกคน ที่มีอาการท้องอืด เนื่องมาจากอาการ ที่อาหารไม่ย่อย
เพราะว่าการรับประทานอาหาร เข้ามาในร่างกาย จึงทำให้เรามีอาการท้องอืดขึ้นมาได้
อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว เราจึงมีวิธีการ ในการช่วยลดอาการท้องอืด ให้หายไปได้
ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- การที่เรารับประทาน
โดยการแบ่งทานอาหารมื้อเล็กๆ ในการรับประทานอาหาร แต่ละครั้ง นั้น
เราจะต้องเคี่ยวอาหาร ให้ละเอียดทุกครั้ง เพื่อช่วยให้ร่างกาย ของเรา
สามารถย่อยอาหาร ได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ในการดื่มน้ำครั้งละมากๆ
จะทำให้กระเพาะอาหาร ของเราสามารถโป่งออก จึงทำให้หูรูดหลอดอาหาร ส่วนล่างหย่อนลง
จึงเกิดกรดไหลย้อน เกิดขึ้นมาในร่างกาย ของเรา ได้อีกด้วย
- การที่เรา
ลดปริมาณในการรับประทานอาหาร จำพวกเนื้อสัตว์ อาหารที่มัน
ของหวานลงไปบ้าง เพราะว่าอาหารเหล่านี้ ที่รับประทานเข่าไปนั้น
จะทำให้กระเพาะอาหาร ของเราของเราเกิดอาการท้องอืดขึ้นมาได้ หากไม่อยากเกิดอาการ
แบบนี้ขึ้นมา ก็ต้องลดการรับประทาน ลงไปบ้าง
- การที่เราไม่รับประทาน
ผักสดในอาหารมื้อเย็น เพราะว่าผักสดนั้น
จะทำให้เกิดอาการท้องอืดขึ้นมาได้ เนื่องจากว่าผักดิบนั้น จะมีกากใยอาหาร
อยู่ในปริมาณที่มาก ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องอืด ขึ้นมาได้ นั้นเอง
หากว่าเราต้องการรับประทานผัก ก็ควรรับประทานแบบลวกแทน จะดีกว่า
- หากว่าเรา
มีอาการจุกเสียดแน่นท้อง เกิดขึ้นมา ที่ร่างกายของเราแล้วล่ะก็
วิธีการในการแก้ไขปัญหา เพียงแค่เรา ลุกขึ้นบ้าง เพื่อช่วยให้ร่างกายของเรา
นั้นได้มีการเคลื่อนไหว เพื่อช่วยให้ลดอาการแน่นท้อง ลงไปได้อีกด้วย
-การดื่มน้ำอุ่น
เพื่อช่วยในการ แก้อาการแน่นท้อง ท้องอืด หรืออาจจะหาสมุนไพร ที่มีฤทธิ์
สามารถช่วยในการ ขับลม เพื่อจะช่วยในการ
ลดอาการแน่นท้อง อย่างการ รับประทานขมิ้นชันมารับประทาน เพื่อช่วยในการลดอาการ
ที่มีอยู่นั้น ให้บรรเทาอาการ ลงไปได้มากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยวิธีการในการดูแลตัวเอง
ให้หายจากอาการ ท้องอืด แน่นท้อง ให้หายไปได้ ด้วยวิธีการง่ายๆ
ที่สามารถทำได้ไม่ยาก
เมื่อทราบแบบนี้แล้วก็อย่าลืมเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติ
กรรมการกินเสียใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ.
ข้อมูลและภาพจาก http://www.billyandrose.com & http://www.dailynews.co.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น