แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักจาก 130 เหลือ 69 กิโลกรัม ภายใน 1 ปี พร้อมทริค
ดี ๆ ที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด !
สาว ๆ หุ่นใหญ่ไซส์บิ๊กทั้งหลายที่เคยท้อแท้เรื่องการลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน
และเหนื่อยหน่ายกับการลดน้ำหนัก ที่ไม่ว่าจะลองวิธีไหนก็ไม่ได้ผลทั้งนั้น เราขอให้คุณ
เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ค่ะ เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมได้นำประสบการณ์การลดน้ำหนัก
จากคุณ Op One สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝากสาว ๆ ซึ่งเธอผู้นี้เคยมีน้ำหนักตัว
สูงถึง 130 กิโลกรัม แต่ความตั้งใจจริงและการลงมือลดน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ จนน้ำหนัก
ลดเหลือ 69 กิโลกรัม ภายใน 1 ปี และเรื่องราวการลดน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จของ
เธอในครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้เธอเป็นอย่างมาก เธอจึงอยากจะนำเคล็ดลับต่าง ๆ
เกี่ยวกับการลดน้ำหนักที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นกำลังใจให้
สาว ๆ มีแรงสู้จนลดหุ่นได้สำเร็จแบบเธอบ้างอะไรบ้าง ส่วนเคล็ดลับในการลดน้ำหนัก
ที่ว่าจะมีวิธีการอย่างไร ตามมาดูกันเลยจ้า
เราขอแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักจากคนที่อ้วนมาก ๆ กับชีวิตที่เปลี่ยนไปพร้อมกับน้ำหนักที่หายไป 62 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยวิธีกินอาหารแบบนับแคลอรี่ + ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นกำลังใจ และเป็นแนวทางในการลดน้ำหนักของคนอ้วนมาก ๆ แบบเรา หากพวกคุณทำได้ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปและมีความภูมิใจในตัวเองอย่างที่เราเป็นค่ะ เราทำได้ ทุกคนก็ทำได้ค่ะ อยากให้ทุกคนที่พยายามลดน้ำหนักสู้ ๆ ใช้เวลาไม่นาน แค่คุณมุ่งมั่น และตั้งใจ มันคุ้มมากกับเวลาที่เสียไปค่ะ
รูปนี้ตอนอ้วนสุด ๆ 131.1 กิโลกรัม
รูปนี้ตอนน้ำหนักลงมาเหลือประมาณ 100 กิโลกรัม
ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ วรรณ ค่ะ อายุ 38 แล้วคะ สูง 162 เซนติเมตร น้ำหนักตัวมากสุด131.1 กิโลกรัม ปัจจุบันน้ำหนัก 69.1 กิโลกรัม ใช้ระยะเวลาลด 1 ปีค่ะ ( 16 มิ.ย. 56 - 31 ก.ค. 57 )
เริ่มเรื่องนะคะ ตอนเรียนมัธยมน้ำหนักตัวก็ปกติ เพราะเรามีกิจกรรมและกีฬาให้เล่นมากมาย ( เป็นเด็กชอบทำกิจกรรมค่ะ ) มาเริ่มอ้วนตอนเข้ามหาลัย ฯ สาเหตุมาจากการที่คาบระหว่างชั่วโมงเรียนห่างกันมากค่ะ เช่น เช้าเรียน 8.00 - 10.00 น. แล้วพัก มาเรียนอีกที่ เกือบ 3 โมงเย็น ช่วงนี้แหล่ะไปไหน หุหุ เดินห้าง ฯ ค่ะ หาของกินอร่อยๆ แถมตอนเรียนมหาลัย ฯ ไม่เคยทำกิจกรรม หรือเล่นกีฬาใด ๆ เลยทุกชนิด จากน้ำหนัก 50 มันก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเรียนจบน้ำหนักมาแตะอยู่ที่ 90 + คราวนี้พอเริ่มทำงานมีรายได้เป็นของตัวเอง ก็เต็มที่เลยค่ะ อยากกินอะไร กิน ๆ ที่ไหนอร่อยไปหมดค่ะ และมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด หิวหรือไม่หิวก็กิน กินแต่ของที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ชอบกิน ผัก ผลไม้ จนน้ำหนักขึ้นมาถึง 131.1 กิโลกรัม ตอนนี้แหละความหายนะเริ่มถามหา โรคต่าง ๆ เริ่มมาค่ะ ความดันสูง ปวดหลัง ปวดขา เหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย ตอนนั้นใส่เสื้อผ้าไซส์ 4XL กางเกงเอว 53 นิ้ว แย่แล้ว เริ่มหาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้
ทำไมเราถึงลดน้ำหนักได้ หลายคนสงสัย มีวันนึงได้มีโอกาสได้คุยกับน้องข้างบ้าน ( น้องมิว ) ระหว่างขับรถไปทำงานน้องเค้าไปด้วย ( ต้องขอขอบคุณ น้องมิว มาก ๆ )
น้องมิว : พี่วรรณครับ เคยคิดจะลดความอ้วนไหมครับ
เรา : ก็คิดอยู่ พยายามมาหลายครั้งแล้ว ทำไม่สำเร็จอ่ะ
น้องมิว : พี่ลองทำแบบแฟนผมสิ ควบคุมแคลลอรี่อาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน
เรา : แล้วเราจะรู้ได้ไง อาหารอะไรกี่ แคลลอรี่ แล้วต้องกินยังไง บลา ๆ
น้องมิว : โหลด แอพ ฯ สิครับพี่ แหม...โทรศัพท์สมัยนี้มีทุกอย่าง
เรา : ok เดี๊ยวจะลองดูนะ ( ตอบไปส่งๆ )
และแล้วเหตุการณ์ที่ทำให้เราลดได้ก็มาถึง คืนนั้นเองระหว่างที่นอนเรารู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะตาย บอกไม่ถูก เราตั้งใจไว้เลยว่า หากเรารอดจากคืนนี้ไปได้จะลองลดน้ำหนักอีกสักครั้งหนึ่ง พอเช้ามาเราก็เริ่มหาข้อมูลต่าง ๆ จาก Google วิธีการคำนวน แคลลอรี่ วิธีลดน้ำหนัก วิธีการออกกำลังกายสำหรับคนอ้วน เราเริ่มจากควบคุมอาหารก่อน ชวนน้องที่ทำงานมาตีแบตเป็นเพื่อนหลังเลิกงาน แรก ๆ ก็ตีได้ 15 - 20 นาที แรก ๆ วิ่งเก็บลูกซะหน้ามืดเลยค่ะ ( ตีไปพักไป จะเป็นลมไป ) ก็เพิ่มไปเป็น ครึ่ง ชั่วโมง จนเป็น 1 ชั่วโมง ตีแบต ได้สัก 2 อาทิตย์ ว่าแต่ใครจะมาตีแบตกับเราได้ทุกวันหล่ะ ก็เลยมองหากีฬาที่สามารถเล่นคนเดียวได้ แรก ๆ ลองวิ่ง โห..แค่ 5 นาที เจ็บหัวเข่า เจ็บข้อเท้ามาก วิ่งไม่ได้เลย เพราะเราน้ำหนักตัวยังเยอะอยู่มาก ( น้ำหนักลงมานิดหน่อย 129 กิโลกรัม ) สุดท้ายมาจบลงที่จักรยานค่ะ เราขี่หลังเลิกงานทุกวัน ๆ ละ 45 - 60 นาที ( 6.00 - 7.00 pm ) พอครบ 1 เดือน เราลองชั่งน้ำหนักดู แม่เจ้า ลดลงไป 10 กิโลกรัม คราวนี้แหล่ะ กำลังใจมาเพียบเราก็ทำแบบเดิมไปเรื่อย ๆ น้ำหนักก็ลดไปเรื่อย ๆ จนมีคนทักมากขึ้น ๆ ไปทำอะไรมา ป่วยเหรอ...กินยาลดน้ำหนักหรือป่าว ทำไมลดเร็วจัง ถึงขนาดมีคนจำไม่ได้ เราภูมิใจมาก
ปัจจุบันวิถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนไปมากค่ะ เลือกกินมากขึ้น มองอาหารแล้วคิดค่ะ ว่าอันนี้เรากินเข้าไปได้อะไรจากมันบ้าง ต้องออกกำลังกายกี่ชั่วโมงถึงจะเผาผลาญหมด ติดนิสัยการออกกำลังกาย ต้องออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน ถ้าไม่ได้ออกจะอึดอัดมาก
เป้าหมายในการลดน้ำหนัก คือ
1. เพื่อสุขภาพที่ดี ( กลัวป่วยตอนแก่ ) เริ่มมีปัญหาเรื่องปวดขา ปวดหลัง ป่วยบ่อย และความดันสูง
2. ลบคำสบประมาณ " ชาตินี้ทั้งชาติก็ลดไม่ได้หรอก " พิสูจน์ให้เค้าดูว่าเราก็ทำได้นะ
3. สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ( เมื่อก่อนไม่ค่อยกล้าไปไหน เพราะอายที่ตัวอ้วน ไม่กล้าไปเจอเพื่อน เจอผู้คน ) ปัจจุบันความมั่นใจมาเต็ม 100%
4. หาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้แล้วค่ะ ตอนอ้วนสุด ๆ ใส่เสื้อไซด์ 4XL กางเกงเอว 53-54 นิ้ว ( ปัจจุบัน เสื้อไซด์ L เอว 34 นิ้ว ) ไม่มีเสื้อผ้าให้เลือกต้องสั่งอย่างเดียว ราคาเท่าไหร่ก็ต้องซื้อ ( แพงมากสำหรับเสื้อผ้าคนตัวใหญ่ ราคาไม่ต่ำกว่า 500 บาท/ตัว )
1. เลือกกิน และควบคุมอาหารโดยการนับแคลอรีในแต่ละวันที่เรากินเข้าไปค่ะ งด หวาน มัน ทอด แป้ง เน้นผัก และปลา ตัวอย่าง เช่น เช้ากับเที่ยง เราจะกินจำพวกปลานึ่ง สลัดผัก ต้มจืด ผักต้มกับน้ำพริก เกาเหลาไม่เอาลูกชิ้น ส้มตำ ลาบเห็ด กินสลับ ๆ กันไป ส่วนมือเย็นเราจะเป็นผลไม้ โยเกิร์ต หรือสลัดผัก
2. ใช้เวลาหลังเลิกงานออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอวันละ 1 ชั่วโมง ช่วงเวลา 6 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม ( ขี่จักรยาน และวิ่ง สลับกันแล้วแต่สะดวก ) และยกเวท วันละครึ่งชั่วโมง ถึง 1 ชั่งโมง เพื่อกระชับกล้ามเนื้อ ( ออกกำลังกาย 3-4 วัน/สัปดาห์ ) เราอ้วนมากมีปัญหาเรื่องผิวหนังย้วยค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว
คาดหวังว่าปีหน้าคงได้มีโอกาสได้เห็น กล้ามท้องสักแพ็ค สองแพ็คค่ะ หุหุ จุดมุ่งหมาย ลดให้เหลือ 60 กิโลกรัม ภายในสิ้นปีนี้สู้ ๆ ไปด้วยกันนะคะ ทุก ๆ คน
รูปตอนน้ำหนัก 77 – 80 กิโลกรัม
รูปตอนน้ำหนัก 72 - 75 กิโลกรัม
รูปตอนน้ำหนัก 72 - 75 กิโลกรัม
นี่คือรูปปัจจุบันของเรา ( 69.1 กิโลกรัม )
เห็นแบบนี้แล้ว เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงฮึดกันขึ้นมาบ้างนะคะ เพียงแค่คุณมุ่งมั่น ตั้งใจและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้หุ่นที่สวยเพรียวก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วจ้า ^^
- ภาพและข้อมูลจาก http://health.kapook.com/