เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ห้องส้วมเป็นจุดที่สกปรกที่สุด แต่ ภาควิชาจุลชีววิทยา
มหาวิทยาลัยอริโซนาของสหรัฐ กลับพบว่าจริงๆแล้ว จุดที่สกปรกที่สุดในบ้านคือ
ฟองน้ำที่ใช้ล้างถ้วยชามในครัวนั่นเอง
ตามข้อมูลพบว่าในแต่ละตารางนิ้วของ ฟองน้ำล้างจานมีจำนวนแบคทีเรียอยู่ถึง 10 ล้านตัว หรือมากกว่าฝารองนั่งชักโครกถึง 200,000 เท่า และมากกว่าผ้าเช็ดจาน ที่มีแบคทีเรียราว 1 ล้านตัว ถึง 20,000 เท่า
น่ากลัวจังเลยนะ ก็ต้องล้างฟองน้ำให้สะอาดและและบีบให้แห้งที่สุด
แล้วก็วางหรือแขวนไว้ให้แห้งก่อนใช้ครั้งต่อไปน่าจะดีกว่านะ
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เตือน....อันตรายของการรับประทานยาร่วมกับ"น้ำเกรพฟรุ๊ต" ที่อาจส่งผลให้ตายได้
สถาบันวิจัยสุขภาพลอว์สันจากมหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์น ออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ออกมาบอกว่า การรับประทานหรือดื่มน้ำ"เกรพฟรุ๊ต"อาจส่งผลให้เกิดอาการโอเวอร์โดสหรือการเพิ่มระดับของยาในเลือด เนื่องจากน้ำดังกล่าวจะมีฤทธิ์ทำให้ยาไม่แตกตัวในลำไส้และตับ
โดยประเภทของยาที่มีผลข้างเคียงในระดับอันตราย อาทิ ยาลดความดันเลือดสูง ยามะเร็ง และยาลดระดับคอเลสเตอรอล หรือยาที่ใช้เพื่อกดระบบภูมิต้านทาน หลังจากเข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ
โดยมีรายงานว่า ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำเกรพฟรุ๊ตหนึ่งแก้ว พร้อมกับยา felodipine ซึ่งเป็นหนึ่งในยาลดความดัน ส่งผลให้มีระดับยาสูงสุดในพลาสมาสูงกว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำเปล่าถึง 3 เท่า
ขณะที่ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับประเภทของยา ซึ่งรวมถึงอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไตเสียหายเฉียบพลัน หรือเสียชีวิต
การทานยาหนึ่งเม็ดร่วมกับน้ำเกรพฟรุ๊ตหนึ่งแก้ว อาจส่งผลให้เกิดอาการคล้ายการทานยา 5 หรือ 10 เม็ดพร้อมกันพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว และคนส่วนใหญ่มักไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากการขาดการให้ความเข้าใจต่อผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีอาการปกติ อาจมีอาการถึงขึ้นเสียชีวิต เพียงเพราะกินยาและน้ำดังกล่าวพร้อมกัน (อ่านรายระเอียด)
ใช่เลย... เราก็พบบ่อย เพื่อนเราบางคนชอบกินยากับน้ำผลไม้บ้าง กาแฟบ้าง ชาบ้าง นมบ้าง
เห็นหมอบอกว่า น้ำบางชนิดก็เพิ่มประสิทธิภาพยาเป็นหลายเท่า... เกินความต้องการของร่างกาย
แต่บางชนิดก็ขัดขวางการดูดซึม ทำให้ยาไม่ออกฤทธ์รักษา หรือมีผลทางการรักษาน้อย
เอ้า ...ใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็เลิกซะนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน......
โดยประเภทของยาที่มีผลข้างเคียงในระดับอันตราย อาทิ ยาลดความดันเลือดสูง ยามะเร็ง และยาลดระดับคอเลสเตอรอล หรือยาที่ใช้เพื่อกดระบบภูมิต้านทาน หลังจากเข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ
โดยมีรายงานว่า ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำเกรพฟรุ๊ตหนึ่งแก้ว พร้อมกับยา felodipine ซึ่งเป็นหนึ่งในยาลดความดัน ส่งผลให้มีระดับยาสูงสุดในพลาสมาสูงกว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำเปล่าถึง 3 เท่า
ขณะที่ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับประเภทของยา ซึ่งรวมถึงอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไตเสียหายเฉียบพลัน หรือเสียชีวิต
การทานยาหนึ่งเม็ดร่วมกับน้ำเกรพฟรุ๊ตหนึ่งแก้ว อาจส่งผลให้เกิดอาการคล้ายการทานยา 5 หรือ 10 เม็ดพร้อมกันพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว และคนส่วนใหญ่มักไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากการขาดการให้ความเข้าใจต่อผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีอาการปกติ อาจมีอาการถึงขึ้นเสียชีวิต เพียงเพราะกินยาและน้ำดังกล่าวพร้อมกัน (อ่านรายระเอียด)
ใช่เลย... เราก็พบบ่อย เพื่อนเราบางคนชอบกินยากับน้ำผลไม้บ้าง กาแฟบ้าง ชาบ้าง นมบ้าง
เห็นหมอบอกว่า น้ำบางชนิดก็เพิ่มประสิทธิภาพยาเป็นหลายเท่า... เกินความต้องการของร่างกาย
แต่บางชนิดก็ขัดขวางการดูดซึม ทำให้ยาไม่ออกฤทธ์รักษา หรือมีผลทางการรักษาน้อย
เอ้า ...ใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็เลิกซะนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน......
เสียชีวิตเพราะน้ำหนักตัว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าวิลมา โซลเตสซ์ มีน้ำหนักตัวประมาณ 192 ก.ก. มีขาเพียงข้างเดียว ต้องนั่งรถเข็นและมีโรคประจำตัว ถูกปฏิเสธจาก 3 สายการบิน ไม่ให้ขึ้นเครื่องกลับบ้านเพราะอ้วนเกินไป เธอจึงไม่สามารถกลับไปฟอกไตได้ทันเวลาและเสียชีวิตในเวลาต่อมา (รายละเอียด)
พวกเราก็คงต้องระมัดระวังตัวเองอย่าให้อ้วนมากนัก เพราะปัญหาที่ตามมากับความอ้วน
นี่มีมากมาย ไปไหนมาไหนก็ลำบากไม่สะดวก คนใกล้ตัวบางคนก็รู้สึกอาย บางรายถึงกับ
ขอหย่าก็มี แต่งตัวก็ยาก..ดูไม่สวยงาม โรคภัยไข้เจ็บก็พร้อมใจกันมาเยี่ยมเยือนมากมาย
เฮ้อ...กลุ้มใจ เพราะ...ข้าพเจ้าก็เริ่มมีปัญหากับน้ำหนักแล้วเหมือนกัน วันก่อนไปพบหมอ
ก็ได้รับเทศน์มากัณฑ์ใหญ่เลย เลยบอกหมอว่าจะพยายามลดเจ้าสิ่งที่มันสูงๆ ไม่ว่าจะเป็น
น้ำตาล คลอเลสเตอรอล แล้วก็น้ำหนักด้วย ลงให้ได้ ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่านะเนี่ย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)